นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวหลังหารือร่วมกับนายยุทธศักดิ์ , นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เพื่อหารือกับมาตรการ รองรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวงจำกัด (ทราเวล บับเบิล) เพื่อนำไปหารือกระทรวงสาธารณสุข วันที่ 2 ก.ค.นี้ ก่อนนำเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้เริ่มได้ในเดือน ส.ค. โดยประเทศที่จะทำทราเวล บับเบิลกับไทยจะเป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก คือ กลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำปลอดเชื้ออย่างน้อย 30 วันเช่นเดียวกับการปลอดเชื้อในประเทศไทยที่มากกว่า 30 วันแล้ว
“ประเทศไทยจะกำหนดพื้นที่เป้าหมายให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่, เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี, จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และจะเพิ่มจังหวัดเชียงราย, หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยช่วงแรกจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้แบบเป็นกรุ๊ปขนาดเล็ก ผ่านบริษัทนำเที่ยวหรือบริษัททัวร์ และการท่องเที่ยวต้องอยู่ในเส้นทางที่กำหนดเท่านั้น จะออกนอกเส้นทางไม่ได้ จึงเป็นเหตุที่เริ่มทดลองกับกลุ่มที่มากับบริษัททัวร์ เพราะหากเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตัวเอง (เอฟไอที) จะควบคุมแบบนี้ไม่ได้”
สำหรับกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำที่จะทดลองระยะแรก ได้แก่ บางเมืองและบางมณฑลของจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน แต่ต้องเอาข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขมาประกอบด้วย ผู้ที่เข้ามาต้องตรวจโควิด-19 ที่ประเทศต้นทางก่อน ต้องนำใบรับรองแพทย์มาด้วย และมาตรวจซ้ำในไทย รวมทั้งต้องทำประกันที่ครอบคลุมการตรวจรักษาโควิด-19 และมีแอปพลิเคชันติดตามตัว หากพบการติดเชื้อระหว่างเดินทาง ต้องยอมรับการกักกันและรักษา
และต้องมีการประเมินทุกระยะ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกมองว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นสาเหตุของการระบาดรอบที่ 2 หากไม่มีการติดเชื้อในประเทศ หรือเป็นไปอย่างราบรื่นจะเปิดระยะที่ 2 โดยขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น เปิดรับกลุ่มมากขึ้น และถ้าควบคุมได้ดีก็เปิดระยะที่ 3 ที่ใกล้เคียงกับปกติ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตัวเอง ก็สามารถเดินทางมาได้
นายพิพัฒน์กล่าวว่า การเปิดแต่ละพื้นที่ดังกล่าว จะดูจากความพร้อมทางด้านสาธารณสุข เช่น จังหวัดภูเก็ต แจ้งว่าพร้อมตรวจได้วันละ 1,000 คน โดยจากแนวทางที่วางแผนไว้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 คนต่อวัน เทียบกับช่วงปกติจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาวันละ 30,000 คน หรืออย่างต่ำเดือนละ 150,000 คน และถ้าไม่มีปัญหาและมีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค.-ธ.ค.ก็อาจจะได้นักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 1.3 ล้านคน เมื่อไปรวมกับที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมเคยเข้ามาแล้วช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 6.7 ล้านคน ทำให้ตลอดทั้งปีนี้ก็จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8 ล้านคน
“ผมได้บอกกับ ททท.ไว้ว่าปีนี้หากทำได้ 10 ล้านคนก็ดีแล้ว ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวของปีนี้ต้องพยายามทำให้ได้ถึง 1.23 ล้านล้านบาท ดังนั้น จึงต้องไปเร่งให้คนไทยเที่ยวในประเทศให้ได้ถึง 120 คน/ครั้ง ขยับขึ้นจากเดิมที่วางไว้ 100 คน/ครั้งให้ได้ เพราะมีโครงการเราเที่ยวด้วยกันมาช่วยผลักดัน”
ขณะที่นายยุทธศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ศบค.ได้มอบให้ ททท.สำรวจความเห็นออนไลน์ เกี่ยวกับการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยในรูปแบบทราเวล บับเบิล ว่าเห็นด้วยและพร้อมรองรับหรือไม่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต เกาะสมุย กระบี่ เชียงรายและสงขลา โดยจะให้ข้อมูลกับผู้ตอบแบบสอบถามก่อนว่าจะมีมาตรการในการคัดกรองและรองรับนักท่องเที่ยวอย่างไรบ้างเพื่อให้ได้ผลโพลแท้จริง เนื่องจากในการประชุม ศบค.เพื่อเสนอเรื่องทราเวล บับเบิล เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. มีโพลออกมาว่าคนในพื้นที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่ทราบว่ามีมาตรการกำกับอย่างไร คาดว่าจะสรุปผลโพลที่ ททท.สำรวจได้ในวันที่ 2 มิ.ย.นี้
July 02, 2020 at 08:07AM
https://ift.tt/3gcdfJo
ลงทะเบียน “เราเที่ยวด้วยกัน” 15 ก.ค.นี้ ททท.มั่นใจคนแห่ใช้สิทธิ์เต็มพิกัด - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2VxIbuS
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ลงทะเบียน “เราเที่ยวด้วยกัน” 15 ก.ค.นี้ ททท.มั่นใจคนแห่ใช้สิทธิ์เต็มพิกัด - ไทยรัฐ"
Post a Comment